ตัวแปร $_POST ตัวแปร $_POST เป็นตัวแปรที่รับและส่งโดย HTTP POST จะต่างจากแบบ HTTP GET ซึ่งผู้ใช้จะไม่สามารถเห็นค่าที่ส่งไปได้ และส่งค่าได้ไม่จำกัด มาดูตัวอย่างการเขียนแบบฟอร์มด้วยวิธี $_POST กัน | |
| |
ไฟล์ register.php ซึ่งเป็นหน้ารับค่าและแสดงผล จะต้องใช้ตัวแปร $_POST เพื่อแสดงค่าที่รับมาดังนี้
| |
การส่งด้วยวิธี $_POST นั้นสามารถส่งข้อมูลได้ไม่จำกัด จะเหมาะเมื่อใช้โพสข้อความที่ยาวๆ และผู้ใช้ไม่สามารถเห็นข้อมูลที่ส่ง จะเหมาะอย่างยิ่งที่จะส่งข้อมูลอันเป็นความลับ | |
วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
PHP $_POST
PHP $_GET
ตัวแปร $_GET ตัวแปร $_GET เป็นตัวแปรที่รับและส่งโดย HTTP GET การส่งค่าด้วยวิธี $_GET จากฟอร์ม หน้าที่รับค่าจะแสดงค่าตัวแปรไว้ที่ URL ด้วย การใช้ HTTP GET ส่งมีข้อจำกัด ซึ่งค่าของตัวแปรห้ามส่งเกิน 100 ตัวอักขระ มาดูตัวอย่างการเขียนแบบฟอร์มด้วยวิธี $_GET กัน | |
| |
URL ของหน้าที่รับค่าคือไฟล์ "register.php" จะได้แบบนี้ | |
| |
ตัวแปรจะถูกคั่นไว้ด้วยเครื่องหมายคำถาม "?" และถ้ามีตัวแปรมากกว่าหนึ่งจะมีเครื่องหมาย "&" คั่นระหว่างตัวแปร | |
ไฟล์ register.php ซึ่งเป็นหน้ารับค่าและแสดงผล จะต้องใช้ตัวแปร $_GET เพื่อแสดงค่าที่รับมาดังนี้
| |
เมื่อคุณต้องการใช้การส่งแบบ $_GET ค่าต่างๆ จะถูกแสดงที่ URL ให้ผู้ใช้เห็น ดังนั้น คุณไม่ควรใช้ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลอันเป็นความลับ เช่น รหัสผ่าน อย่างไรก็ตาม ค่าตัวแปรมีการแสดงที่ URL คุณสามารถทำลิงค์ไปที่หน้าที่ต้องการ แล้วระบุค่าต่างๆ ที่ URL ไปได้เลย โดยไม่ต้องใช้ฟอร์มในการส่ง นี่จะเป็นประโยชน์มากในบางกรณี | |
ตัวแปร $_REQUEST | |
ตัวแปร $_REQUEST คือตัวแปรที่สามารถนำมาใช้เรียกแทนตัวแปรได้ทั้ง $_GET, $_POST และ $_COOKIE เพื่อแสดงผล | |
ดูตัวอย่าง
| |
Forms
การใช้งานฟอร์มด้วย PHP การสร้างฟอร์มโดยทั่วไปจะใช้คำสั่ง HTML ในที่นี้ทางเราจะไม่อธิบายวิธีสร้างฟอร์ม แต่จะสอนการส่ง/รับค่า และการเรียกใช้งานด้วย PHP ดูที่ตัวอย่าง HTML ฟอร์ม ข้างล่างนี้ | |
| |
ตัวอย่าง HTML ฟอร์ม ข้างบนนี้มี 2 ช่องรับข้อความ (text field) และปุ่มส่งค่า (submit button) เมื่อผู้ใช้เติมค่าเข้าไป และกดปุ่ม submit แล้วไฟล์ register.php จะถูกเรียกขึ้นมา ไฟล์ "register.php" จะเป็นแบบข้างล่างนี้ | |
| |
ผลของตัวอย่างสคริปต์ข้างบนนี้อาจจะเป็น
| |
การส่งค่าด้วยวิธี POST เวลาเรียกใช้จะเป็นตัวแปร $_POST["name"] และ $_POST["age"] ในทางเดียวกัน ถ้าเป็นการส่งค่าด้วยวิธี GET จะเรียกใช้ตัวแปร $_GET แทนที่ $_POST | |
Functions
ฟังก์ชั่น คือ ชุดคำสั่งที่ใช้ในการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยการส่งค่าที่ฟังก์ชั่นต้องการไปให้ เพื่อให้ฟังก์ชั่นคืนค่าผลลัพธ์ หรืออาจไม่มีการคืนค่ากลับมาก็ได้ ค่าที่ส่งผ่านในฟังก์ชั่นประกอบด้วย 2 ค่า คือ อาร์กิวเมนต์ (argument) และพารามิเตอร์ (parameter)
| ||||
คำสั่ง while มีรูปแบบดังนี้ | ||||
| ||||
ตัวอย่างข้างล่างนี้ จะแสดงให้เห็นว่าโปรแกรมจะวนลูปไปเรื่อยๆ ตราปเท่าที่ตัวแปร i น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 และตัวแปร i จะเพิ่มขึ้นทีละ 1 ในแต่ละครั้งที่วนลูป
| ||||
คำสั่ง do...while มีรูปแบบดังนี้ | ||||
| ||||
ตัวอย่างข้างล่างนี้ ตัวแปร i จะเพิ่มขึ้นทีละ 1 ต่อครั้งการวนลูป และจะวนลูปทำงานตามคำสั่งไปตราปเท่าที่ตัวแปร i มีค่าน้อยกว่า 5
| ||||
คำสั่ง for มีรูปแบบดังนี้ | ||||
| ||||
Note: เหมาะที่จะใช้ เมื่อคุณทราบจำนวนครั้งที่ต้องการวนลูปที่แน่นอน คำสั่ง for มีอยู่ 3 พารามิเตอร์ ตัวแรก initialization เป็นตัวแปรตั้งต้น ตัวที่สอง condition เป็นเงื่อนไขที่เรากำหนด และตัวสุดท้าย increment เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าตัวแปร เพื่อให้การวนลูปสมบูรณ์ โดยแต่ละพารามิเตอร์จะมี คอมม่า คั่น | ||||
ตัวอย่างข้างล่างนี้ จะแสดงคำว่า สวัสดี ชาวโลก! 5 ครั้ง
| ||||
คำสั่ง foreach มีรูปแบบดังนี้ | ||||
| ||||
การวนลูปของอะเรย์ ในการวนลูปแต่ละครั้งจะเป็นค่าของแต่ละอีลิเมนต์ในอะเรย์ที่ถูกกำหนดเป็น $value ไปเรื่อยๆ จนจบ ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างที่มี 3 อีลิเมนต์ ซึ่งจะทำการวนลูป 3 ครั้ง
| ||||
Looping
คำสั่ง Looping เป็นกลุ่มคำสั่งที่ใช้ในการวนรอบ โปรแกรมจะทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้จะเป็นเท็จ จึงหลุดออกจากการทำงาน เป็นการช่วยลดเวลาในการเขียนซ้ำๆ กันได้มาก ใน PHP มีคำสั่งวนลูปดังนี้ | ||||||||
| ||||||||
คำสั่ง while มีรูปแบบดังนี้ | ||||||||
| ||||||||
ตัวอย่างข้างล่างนี้ จะแสดงให้เห็นว่าโปรแกรมจะวนลูปไปเรื่อยๆ ตราปเท่าที่ตัวแปร i น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 และตัวแปร i จะเพิ่มขึ้นทีละ 1 ในแต่ละครั้งที่วนลูป
| ||||||||
คำสั่ง do...while มีรูปแบบดังนี้ | ||||||||
| ||||||||
ตัวอย่างข้างล่างนี้ ตัวแปร i จะเพิ่มขึ้นทีละ 1 ต่อครั้งการวนลูป และจะวนลูปทำงานตามคำสั่งไปตราปเท่าที่ตัวแปร i มีค่าน้อยกว่า 5
| ||||||||
คำสั่ง for มีรูปแบบดังนี้ | ||||||||
| ||||||||
Note: เหมาะที่จะใช้ เมื่อคุณทราบจำนวนครั้งที่ต้องการวนลูปที่แน่นอน คำสั่ง for มีอยู่ 3 พารามิเตอร์ ตัวแรก initialization เป็นตัวแปรตั้งต้น ตัวที่สอง condition เป็นเงื่อนไขที่เรากำหนด และตัวสุดท้าย increment เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าตัวแปร เพื่อให้การวนลูปสมบูรณ์ โดยแต่ละพารามิเตอร์จะมี คอมม่า คั่น | ||||||||
ตัวอย่างข้างล่างนี้ จะแสดงคำว่า สวัสดี ชาวโลก! 5 ครั้ง
| ||||||||
คำสั่ง foreach มีรูปแบบดังนี้ | ||||||||
| ||||||||
การวนลูปของอะเรย์ ในการวนลูปแต่ละครั้งจะเป็นค่าของแต่ละอีลิเมนต์ในอะเรย์ที่ถูกกำหนดเป็น $value ไปเรื่อยๆ จนจบ ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างที่มี 3 อีลิเมนต์ ซึ่งจะทำการวนลูป 3 ครั้ง
| ||||||||
Arrays
อะเรย์ (Arrays) คือชุดตัวแปรที่แสดงอยู่ในรูปของลำดับที่ เพื่อเก็บค่าข้อมูลที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน การทำงานใน PHP ไม่ช้าไม่เร็ว คุณต้องสร้างตัวแปรที่คล้ายๆ กันมากมาย แทนที่จะสร้างตัวแปรหลายตัว คุณสามารถเก็บค่าตัวแปรต่างๆ มากมายซึ่งเรียกว่า อีลิเมนต์ (element) ให้เก็บอยู่ในรูปของอะเรย์ แต่ละอีลิเมนต์ จะมีอินเด็กซ์ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นคีย์ของอะเรย์ เพื่อใช้สำหรับระบุค่าที่เก็บอยู่ภายในแต่ละอีลิเมนต์ของอะเรย์ ค่าอินเด็กซ์ใน PHP จะเริ่มต้นที่ 0 เป็นค่าแรก เรียงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ 0,1,2,... จนหมดอีลิเมนต์ และสามารถกำหนดอินเด็กซ์ของอะเรย์เป็นตัวอักษรได้อีกด้วย อะเรย์ มีด้วยกัน 3 ชนิด ดังนี้ Numeric arrays - เป็นอะเรย์ที่มีคีย์ทั่วไปเป็นตัวเลข Associative arrays - เป็นอะเรย์ที่แต่ละคีย์จะมีค่ากำหนดไว้ด้วย Multidimensional arrays - เป็นอะเรย์ซ้อนอะเรย์ ที่บรรจุค่าเป็นมิติมากมาย | |
Numeric array มีหลายแบบในการสร้าง numeric array มาดูตัวอย่างแรกกัน | |
| |
ดูตัวอย่างที่ 2 กัน
| |
แต่ละคีย์ในตัวอย่างข้างบนเป็นค่าที่คุณสามารถใช้ได้เมื่อเขียนสคริปต์ | |
Syntax
| |
โค้ดข้างบนจะได้ผลลัพธ์ คือ Ying & Pong are Chai's Friends | |
Associative array ถ้าคุณต้องการเก็บตัวแปรที่มีการระบุค่าด้วยแล้ว Associative array ดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า Numeric array มาดูตัวอย่างแรกกัน | |
| |
ดูตัวอย่างที่ 2 กัน ซึ่งมีผลลัพธ์ไม่ต่างจากตัวอย่างแรก แต่เขียนต่างกัน
| |
Multidimensional Array อะเรย์สามารถซ้อนกันได้ตั้งแต่ 2 อะเรย์ขึ้นไป มาดูตัวอย่างกัน | |
| |
อะเรย์ข้างบนนี้ จะมีผลลัพธ์เหมือนกับข้างล่าง
| |
Switch Statement
คำสั่ง Switch จะคล้ายกับคำสั่ง If แต่ว่าเงื่อนไขจะมีมากกว่า 2 เงื่อนไข คือตรวจสอบเงื่อนไข โดยดูจากค่าของตัวแปร โดยนำค่าจากตัวแปรที่อยู่ในคำสั่ง switch มาตรวจสอบกับค่าที่อยู่หลังคำสั่ง case แต่ละคำสั่ง ถ้าตรงกัน ก็จะทำงานตามคำสั่งใน case นั้น ถ้าไม่ตรงกับ case ไหนเลยจะมาทำงานในคำสั่ง default แทน มีรูปแบบดังนี้ | ||||||||||
| ||||||||||
คำสั่ง break จะทำให้โปรแกรมกระโดดออกไปทำงานนอกคำสั่ง switch ถ้าไม่มีคำสั่ง break โปรแกรมจะทำคำสั่งต่อไปเรื่อยๆ ทำให้เสียเวลา | ||||||||||
มาดูตัวอย่างกันว่า switch ทำงานอย่างไร | ||||||||||
| ||||||||||
| ||||||||||
If...Else Statement
คำสั่ง If, Elseif และ Else เป็นคำสั่งที่ใช้เปรียบเทียบเงื่อนไขเพื่อเลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โครงสร้างที่ใช้จะขึ้นกับวัตถุประสงค์ บางกรณีสามารถเขียนได้หลายลักษณะ คำสั่ง If ใช้สำหรับการตัดสินใจ โดยถ้าเป็นจริงจะทำตามคำสั่งต่างๆ ที่กำหนดไว้ภายใต้เงื่อนไข ซึ่งเงื่อนไขจะอยู่ภายในเครื่องหมายวงเล็บ ( ) ถ้าเป็นจริงแล้วจะไปทำงานคำสั่งที่อยู่ภายในเครื่องหมายปีกกา { } คำสั่ง If...else เป็นคำสั่งที่มี 2 เงื่อนไข ถ้าเงื่อนไขใน If เป็นจริงก็จะเข้าไปทำงานคำสั่งภายใน If แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จจะไปทำงานคำสั่งภายใน else รูปแบบเป็นดังนี้ | |
| |
ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง จะได้ผลลัพธ์ "Have a nice day!" ถ้าเงื่อนไขออกมาเป็นจริง ไม่เช่นนั้นจะได้ผลเป็นอย่างอื่น
| |
ถ้ามีคำสั่งเพียงบรรทัดเดียวไม่จำเป็นต้องใส่ปีกกา { } ก็ได้ แต่ถ้ามีมากกว่า 1 บรรทัดต้องใส่ปีกกาด้วย | |
คำสั่ง Elseif ใช้ในกรณีที่มีเงื่อนไขจำนวนมาก โดยคำสั่ง elseif เป็นการรวมกันของคำสั่ง if และ else ซึ่งจะเรียงลำดับกันอยู่ มีรูปแบบดังนี้ | |
| |
ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง จะได้ผลลัพธ์ "Have a nice day!" ถ้าเงื่อนไขที่ 1 ออกมาเป็นจริง และผลจะได้ "How are you?" ถ้าเงื่อนไขที่ 2 ออกมาเป็นจริง ไม่เช่นนั้นจะได้ผลเป็น "Good Bye!"
| |
Operators
โอเปอร์เรเตอร์ (Operator) คือเครื่องหมายแทนการปฎิบัติการทางคณิตศาสตร์ หรือเปรียบเทียบ ข้างล่างนี้จะแจกแจงตัวโอเปอร์เรเตอร์ประเภทต่างๆ | ||||||||||||||||||||||||||||||||
Arithmetic Operators
| ||||||||||||||||||||||||||||||||
Assignment Operators
| ||||||||||||||||||||||||||||||||
Comparison Operators
| ||||||||||||||||||||||||||||||||
Logical Operators
| ||||||||||||||||||||||||||||||||
Variables
ตัวแปร (variables) มีไว้ใช้เก็บค่าต่างๆ เช่น ตัวเลข อักษร หรือผลลัพธ์ ต่างๆ ดังนั้นตัวแปรจึงถูกใช้ได้หลายตัวใน 1 สคริปต์ ตัวแปรทั้งหมดใน PHP จะเริ่มต้นด้วยสัญลักษณ์ $ ตัวแปรอาจจะประกอบไปด้วย ตัวอักษร ตัวเลข หรือ อาร์เรย์ ข้างล่างนี้เป็นสคริปต์ PHP ที่ให้ค่าแก่ตัวแปร $txt เป็นคำว่า "Hello Buddy" | ||||||||
| ||||||||
วิธีรวม 2 ตัวแปรเข้าด้วยกัน ให้ใช้ตัว dot ( . ) ดังตัวอย่างข้างล่าง | ||||||||
| ||||||||
ผลลัทธ์ที่ได้ คือ Hello Buddy Ok | ||||||||
กฎการตั้งชื่อให้ตัวแปร | ||||||||
| ||||||||
PHP Syntax
คุณไม่สามารถวิวดู PHP source code ในเบราเซอร์ได้ คุณจะเห็นเป็น HTML ทั่วไป เพราะว่าสคริปต์ถูกแปลงบนเซิร์ปเวอร์เป็นโค้ด HTML แล้ว ก่อนที่จะถูกส่งไปที่เบราเซอร์ของคุณ แท็กสคริปต์ PHP จะเริ่มด้วย <?php และปิดด้วย ?> คุณอาจจะย่อให้สั้นลงแบบนี้ <? และปิดด้วย ?> ก็ได้ แต่รูปแบบมาตราฐานจะมี php อยู่ด้วย โดยปกติ ไฟล์ PHP จะมีแท็ก HTML เหมือนไฟล์ HTML ทั่วไป และแทรกด้วยแท็ก PHP เราจะโชว์ตัวอย่างสคริปต์ PHP ง่ายๆให้ดู จะเป็นการส่งข้อความ "Hi Buddy!" ไปที่เบราเซอร์ | |
| |
แต่ละบรรทัดที่จบชุดโค้ดของ PHP จะปิดด้วยตัว semicolon (";") ตัวนี้จะเป็นตัวบอกว่าจบ 1 ชุดคำสั่ง มี 2 คำสั่ง ที่คุณสามารถใส่เพื่อให้แสดงผลออกมาเป็นข้อความโชว์บนเบราเซอร์ คือ echo และ print ตัวอย่างข้างบนของเราใช้ echo เพื่อแสดงผล | |
Comments in PHP | |
ใน PHP เราใช้ // เพื่อละเว้นคำสั่งในบรรทัดนั้น หรือใช้ /* */ สำหรับละเว้นคำสั่งหลายบรรทัด | |
| |
Introduction
ก่อนที่จะเรียนภาษา PHP คุณควรมีความรู้พื้นฐานภาษา HTML ซะก่อนนะ | ||||||||||||||||||
PHP คืออะไร ? | ||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||
ไฟล์ PHP คืออะไร ? | ||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||
เริ่มต้นยังไงดีล่ะ ? | ||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||
บทเรียนนี้ จะไม่อธิบายว่า PHP, MySQL หรือ Apache Server ติดตั้งอย่างไร | ||||||||||||||||||
ถ้าระบบของคุณมี PHP แล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย คุณเพียงสร้างไฟล์ PHP ไปเก็บไว้ในเว็ปไดเร็กตอรี่ของคุณ และเซิร์ปเวอร์ของคุณก็จะรันเอง ยังไงก็ตาม ถ้าระบบของคุณไม่ได้ลง PHP คุณจำต้องติดตั้งก่อน ดูวิธีติดตั้งได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ : http://www.php.net/manual/en/install.php Download PHP http://www.php.net/downloads.php Download MySQL Database http://www.mysql.com/downloads/index.html Download Apache Server http://httpd.apache.org/download.cgi |
phpbasic
คุณไม่สามารถวิวดู PHP source code ในเบราเซอร์ได้ คุณจะเห็นเป็น HTML ทั่วไป เพราะว่าสคริปต์ถูกแปลงบนเซิร์ปเวอร์เป็นโค้ด HTML แล้ว ก่อนที่จะถูกส่งไปที่เบราเซอร์ของคุณ แท็กสคริปต์ PHP จะเริ่มด้วย <?php และปิดด้วย ?> คุณอาจจะย่อให้สั้นลงแบบนี้ <? และปิดด้วย ?> ก็ได้ แต่รูปแบบมาตราฐานจะมี php อยู่ด้วย โดยปกติ ไฟล์ PHP จะมีแท็ก HTML เหมือนไฟล์ HTML ทั่วไป และแทรกด้วยแท็ก PHP เราจะโชว์ตัวอย่างสคริปต์ PHP ง่ายๆให้ดู จะเป็นการส่งข้อความ "Hi Buddy!" ไปที่เบราเซอร์ | |
| |
แต่ละบรรทัดที่จบชุดโค้ดของ PHP จะปิดด้วยตัว semicolon (";") ตัวนี้จะเป็นตัวบอกว่าจบ 1 ชุดคำสั่ง มี 2 คำสั่ง ที่คุณสามารถใส่เพื่อให้แสดงผลออกมาเป็นข้อความโชว์บนเบราเซอร์ คือ echo และ print ตัวอย่างข้างบนของเราใช้ echo เพื่อแสดงผล | |
Comments in PHP | |
ใน PHP เราใช้ // เพื่อละเว้นคำสั่งในบรรทัดนั้น หรือใช้ /* */ สำหรับละเว้นคำสั่งหลายบรรทัด | |
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)